การถูกด่า หรือถูกนินทาคือความธรรมดาของโลกใบนี้

 การถูกด่า หรือถูกนินทาคือความธรรมดาของโลกใบนี้

    บทความนี้ผู้เขียนขอรวบรวมบทความ หนังสือ วิดีโอเสียง เพลงดีๆเป็นกำลังใจให้แก่คนที่กำลังประสบกับความธรรมดาของโลกนี้ หรือการถูกด่า และติฉินนินทาที่เป็นหนึ่งในโลกธรรม 8 แหล่งที่มารวบรวมไว้ใต้บทความค่ะ

     อยากให้คุณลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้ คุณไม่เคยถูกด่า หรือนินทาเลยใช่หรือไม่ ถ้าใช่คุณคงไม่ใช่มนุษย์ที่ได้มาเกิดบนโลกใบนี้แล้ว เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครรอดพ้นจากการต่อว่า หรือการถูกนินทาจากผู้อื่นได้ ดังประโยคที่ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวไว้ว่า


 กูว่าแล้ว โลกนี้ มีปัญหา 

เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยเฉย 

สามประเภท ที่ว่านี้ ไม่ผิดเลย 

โปรดวางเฉย  ใครถือสา จะบ้าตาย (1)




   แต่ก่อนตัวผู้เขียนเองก็ไม่ได้เข้าใจประโยคที่ท่านพระพุทธทาสภิกขุได้กล่าวไว้สักเท่าไหร่ เพราะยังไม่เคยเจอกับตัวเองจริงๆ จนเมื่อ 3 เดือนก่อนผู้เขียนได้พบเจอกับความทุกข์อย่างหนึ่ง ท่านผู้อ่านคิดไม่ผิดหรอกค่ะ ผู้เขียนถูกต่อว่าและเหน็บแนมสาระพัด ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้โดนเหน็บแนมบ่อยเท่ากับช่วงแรก แต่ยังคงโดนต่อว่า และเหน็บแนบอยู่เรื่อยๆ ต้องบอกเลยว่าช่วงแรกนั้นทุกข์มาก ต่อให้เป็นวันที่ผู้เขียนไม่เจอกับคนผู้นั้น ผู้เขียนเองก็ยังคงหดหู่ และยังคงเก็บคำพูดเหล่านั้นมาทิ่มแทงใจตัวเองอยู่ซ้ำๆ เลยทำให้เข้าใจคำพูดของท่านพระพุทธทาสมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หายทุกข์ใจเป็นปลิดทิ้งไปเสียทีเดียว  พยายามศึกษาธรรมะเพื่อหวังจะได้คลายทุกข์จากเรื่องนี้ลงบ้าง ถ้าใครกำลังทุกข์ไม่ว่าจะมาจากการถูกต่อว่า หรือนินทา หรือทุกข์ใจเรื่องใดๆ ก็ตามผู้เขียนอยากขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ได้อ่าน ebook เรื่องธรรมะชนะทุกข์  (3) หนังสือเล่มนี้เผยแพร่โดยชมรมกัลยาณธรรม การอ่านหนังสือเล่มนี้คงไม่ทำให้ท่านหายทุกข์ไปในทันที แต่ท่านจะเข้าใจในความทุกข์มากขึ้น หนังสือเล่มนี้ฟรี เพราะเผยแพร่เป็นธรรมทาน ยังไงก็ตามอยากให้ลองอ่านดูนะคะ มีลิงค์ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้อยู่ด้านล่างบทความค่ะ ข้อความบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ความแก่มีอยู่ในความหนุ่มสาว ความเจ็บไข้มีอยู่ในความไม่มีโรค ความตายก็มีอยู่ในชีวิต”

ความสุขของเราก็เช่นกัน มีความทุกข์แฝงอยู่ตลอดเวลา

ความทุกข์เป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ 

- ธรรมะชนะทุกข์


   
   ตัวผู้เขียนในขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ปลงได้นะคะ แต่พออยู่กับความเงียบ หรืออยู่คนเดียวความทุกข์ก็กลับมาครอบครองใจอีกครั้ง ที่ตัวผู้เขียนเป็นแบบนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าเกิดจากอะไร เกิดจากอัตตาความถือตัวของผู้เขียนนั่นเอง ที่ไม่ว่าใครก็ต่อว่าไม่ได้ มีประโยคนึงในกระทู้พันทิปที่ชอบมากและใช้เป็นกำลังใจจนถึงทุกวันนี้ ประโยคนั้นคือ 

".เพราะเราถือเนื้อถือตัวว่าใครจะมาพูดจาเหน็บแนมเสียดสีต่อเราไม่ได้  เรามันคนวิเศษเหนือคนอื่น"

   พออ่านแล้วอัตตาในตัวเรามันลดลงทันที ความทุกข์ก็น้อยลง ทำใจในเรื่องนี้ได้มากขึ้น อยากขอบคุณคุณดอกหญ้าสีนวลมากที่ได้แชร์สิ่งดีๆเหล่านี้ให้อ่าน ลองเข้าไปอ่านในกระทู้ Pantip ตามอ้างอิงข้อ (4) นะคะ คุณดอกหญ้าสีนวลเขียนเรื่องการทำใจในเรื่องการถูกต่อว่า หรือถูกด่าไว้ได้ดีมากจริงๆ
   การได้พบเจอกระทู้นี้ถือว่าเป็นโชคดีของผู้เขียนมาก และยิ่งวันถัดมาได้ไปพบเจอเพื่อนเก่าก็ยิ่งทำให้แน่ใจมากขึ้นว่า คนไม่ถูกด่าในโลกไม่มีอยู่จริงๆ เพราะบรรดาเพื่อนทั้งหลายของผู้เขียนก็ถูกด่า และเหน็บแนมไม่ต่างจากผู้เขียนเลย ไม่ว่าจะดารา นักร้อง ไอดอลที่มีผู้ชื่นชอบและชื่นชมมากมาย ก็ยังมีคนไม่ชอบ และค่อยต่อว่าพวกเค้าอยู่เสมอ นักบวช นักเทศน์ทั้งหลายอย่างที่ท่านว.วชิรเมธีเล่าให้ฟังว่าท่านก็ไม่รอดพ้นจากถูกด่าเหมือนกัน (5) ท่านยังให้คำคมมาหนึ่งประโยคที่โดยใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า

"ถูกชมก็เข้าท่า ถูกด่าก็ไม่เลว"

 ประโยคข้างต้น เป็นประโยคเด็ดที่จำได้ไม่ลืมเลยทีเดียวค่ะ หรือแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านดีขนาดไหนก็ยังถูกด่า หลายท่านน่าจะเคยได้อ่านหรือได้ยินเรื่องนี้มาบ้างที่ในสมัยพระพุทธกาล ที่พระนางมาคันทิยาจ้างคนมาด่าพระพุทธเจ้า พระอานนท์บอกให้พระองค์ทรงหนี แต่พระองค์กลับเลือกที่จะยืนหยัดอยู่เมืองนั้นต่อไป และพระพุทธเจ้าท่านได้ทรงตรัสเอาไว้ว่า

"บุคคลผู้อดกลั้นต่อคำล่วงเกินได้ ฝึกตนดีแล้ว เป็นผู้ประเสริฐในหมู่มนุษย์
การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง ฉันใด
เมื่อฝ่ายตรงข้ามสงบนิ่ง ทำหูทวนลมเสีย
การด่าอยู่แต่ฝ่ายเดียวก็ไร้ประโยชน์ ฉันนั้น" (6)


  ประโยคที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวเอาไว้ ถ้าเอาให้เข้าใจแบบง่ายๆ ก็เปรียบเหมือนลิงขว้างลูกมะพร้าวใส่พื้น ถ้าเราเอาหัวไปรับ หัวเราก็แตก ก็เปรียบเหมือนกับการเก็บคำพูดของคนอื่นมาทำให้ตัวเองทุกข์ใจนั้นเอง คนฉลาดย่อมนำลูกมะพร้าวลูกนั้นมากินเนื้อ และกินน้ำ หรือนำมาทำประโยชน์อย่างอื่น ประโยคเปรียบเทียบนี้ดิฉันไม่ได้คิดเองหรอกค่ะ ได้ฟังมาจากวิดีโอเสียงใน Youtube เรื่องขอบคุณที่ด่าจาก พระไพศาล วิสาโล (7) ถ้าหากเข้าไปฟังจะได้ข้อคิดมากมายหลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ 

หลังจากที่แนะนำบทความ หนังสือ วิดีโอเสียงในทางธรรมแล้ว ผู้เขียนเองก็มีบทเพลงจากทางโลกมาแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ท่านผู้อ่านด้วยค่ะ บทเพลงนี้ถ้าจะให้ดีต้องอ่านคำแปลนะคะถึงจะเข้าใจ ลองอ่านบทเพลง Spring day (ผู้ขับร้อง BTS) สั้นๆ ตามข้างล่างนี้ดูค่ะ

어떤 어둠도 어떤 계절도
ทั้งความมืดมิด และไม่ว่าฤดูกาลใด

영원할 순 없으니까
ก็ไม่มีอะไรที่จะคงอยู่ตลอดไป (8)


   ตามบทเพลงถ้ามองในทางธรรมก็คือไตรลักษณ์นั่นเอง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแล้วอยู่ใน กฎไตรลักษณ์" ความทุกข์ใดๆในโลก หรือแม้กระทั่งความทุกข์จากการถูกต่อว่าไม่สามารถคงทนอยู่นานได้ สักวันมันต้ิองดับไปตามธรรมดา

ขอขอบคุณที่อ่านบทความมาจนถึงบรรทัดนี้หวังว่าทุกคนจะมีสติ สมาธิ และปัญญาอยู่เสมอแม้ในยามปกติหรือทุกข์ใจก็ตาม ขอบคุณค่ะ


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลดี ๆ ที่ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์น้อยลง และได้นำเรื่องราวดีๆมาเผยแพร่แก่ผู้อื่น

1) อ้างอิงคำคมทาสพระพุทธทาสภิกขุจาก


2) ขอขอบคุณรูปภาพพระพุทธทาสภิกขุจาก


3) ขอขอบคุณหนังสือธรรมะชนะทุกข์-พระไพศาล วิสาโล จากชมรมกัลยาณธรรม

หนังสือธรรมะฟรีจากเว็บไซต์ชมรมกัลยาธรรม

4) การตอบกลับของคุณดอกหญ้าสีนวลในกระทู้ Pantip เรื่อง ทำอย่างไรถึงจะทำให้ใจสงบ ไม่โกรธ ไม่เกลียด เวลาที่เราต้องเจอกับคนที่เราไม่ชอบ

5) วิดีโอเสียงเรื่องรับมือกับคำด่าให้เป็นจาก ท่านว.วชิรเมธี

6) เรื่องของ พระนางมาคันทิยา : พุทธวิธีชนะคนไม่มีศีลที่มาด่าทอต่อว่า

7) วิดีโอเสียงเรื่องขอบคุณที่ด่าจาก พระไพศาล วิสาโล

8) เนื้อเพลง+แปล Bts - Spring Day

BTS- Spring Day

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรียนรู้ลายมือไปด้วยกัน (1) : ความรู้เบื้องต้น และการเรียกชื่อเนินบนฝ่ามือ