หนังสือที่ควรซื้อเป็นของขวัญให้แก่คนที่คุณรัก

     




 เชื่อว่าหลายคนเมื่ออ่านหนังสือจบจะมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นแน่ๆ อ่านจบเล่มนี้แล้วนึกถึงใครบางคนที่ต้องชอบเล่มที่เราอ่านอยู่เหมือนกันกับเรา นึกถึงคนที่เรารักหวังว่าเค้าจะได้อ่านหนังสือดีๆเช่นนี้เหมือนกัน และเนื่องด้วยความชอบส่วนตัวผู้เขียนนั้นชอบซื้อหนังสือให้เพื่อนเป็นของขวัญในทุกวันสำคัญของเพื่อน หรือแก่บุคคลที่ผู้เขียนรักอยู่เสมอ หากใครเป็นเหมือนกัน หรือวันนี้นึกอยากให้หนังสือแก่คนที่เรารักเป็นของขวัญ รับรองว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อยค่ะ 

      ทั้งนี้หนังสือที่เราจะเลือกให้คนที่เรารักก็ต้องดูหลายปัจจัยไม่ว่าจะช่วงวัย หรือความชอบด้วยนะคะ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนมีหนังสือ 5 เล่มที่อยากแนะนำให้คุณผู้อ่านที่รักได้อ่านเช่นเดียวกันค่ะ




1) Into the magic shop เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ

   เชื่อว่าสาวก BTS จะต้องรู้จักหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะหนังสือเล่มนี้คือแรงบันดาลที่จองกุก แห่งวง BTS ใช้แต่งเพลง Magic Shop แต่ๆ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นสาวก BTS ถึงจะสามารถอ่านเล่มนี้ได้ หนังสือเล่มนี้ไม่ว่าใครอ่านก็เกิดประโยคทั้งนั้น หนังสือเล่มนี้สามารถทำให้ผู้เขียนเข้าใจในจิตใจผู้อื่นมากขึ้น มีหลายประโยคในหนังสือที่โดนใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น

เราต้องมองผู้อื่นแล้วคิดว่า 

"

เขาก็เหมือนเรา

เขาก็ต้องการสิ่งที่เราต้องการ

คืออยากมีความสุข

"

ประโยคต่อมานอกจากจะเตือนสติว่าคนอื่นก็คือคนธรรมดา ยังทำให้ย้อนนึกว่าเราก็เป็นคนธรรมดาก็เช่นกัน

"

เราต่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบาง พร้อมจะผิดพลาด

หลายครั้งในชีวิตไม่สามารถไปถึงความสมบูรณ์แบบที่ตัวเราหวังไว้ 

และหลงไปทำร้ายหรือทำให้คนอื่นต้องเจ็บ

"

   บางทีสิ่งที่ผู้อื่นทำกับเราเค้าไม่ได้คิดหรอกค่ะ ว่าผิดหรือถูก แต่แสดงออกมาเพื่อตัวของเค้าก็เท่านั้น คนอื่นเค้าก็คือคนธรรมดาที่อยากมีความสุขเหมือนกันกับเราก็เท่านั้นเอง

   นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียน จากคนที่ไม่เคยนั่งสมาธิหันมานั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน และมันก็เกิดผลดีกับตัวผู้เขียนจริงๆ หลังจากทำมาได้ร่วม 1 ปี ผู้เขียนมีสติรู้ตัวบ่อยขึ้น ปกติจะโมโหเวลาคนอื่นมาทำเรื่องอะไรที่ผู้เขียนรู้สึกขัดใจ เดี๋ยวนี้ใจเย็นขึ้นเยอะ การนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลย ถ้าเกิดว่าเราคิดถึง หรือนึกถึงบางเรื่องขึ้นมา ก็ไม่ต้องรีบกำจัดความคิดนั้นเหล่านั้นออกไป ขอเพียงแค่เรารู้ตัวก็พอแล้ว เท่านี้ก็เกิดสติขึ้นมาแล้ว การทำเช่นนี้คือการฝึกสตินั้นเองค่ะ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดเช่นนี้หรอกค่ะ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เขียนได้เรียนรู้จากการไปเรียนอานาปานสติภาวนา ที่สวนโมกข์กรุงเทพ (1) แต่ก่อนเวลาผู้เขียนนั่งสมาธิมักจะพยายามข่มความคิดอยู่ตลอดเวลา ผลคือฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิม ถ้าใครมีอาการเช่นเดียวกันกับผู้เขียน และคิดว่าแนวคิดนี้ก็น่าจะใช้ได้ หรือคิดว่าแนวคิดนี้ก็ดีเหมือนกัน ก็อยากให้ลองนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในการนั่งสมาธิดูนะคะ 



2) น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20

   หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้อ่านขณะที่ผู้เขียนเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ และได้เริ่มต้นทำงานที่แรก หลายประโยคในหนังสือนั้นตรงกับชีวิตจริงเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น

"

หลังจากเรียนจบ คุณจะกลายเป็นอาจารย์ของตัวคุณเอง

"

   ประโยคนี้มันคือเรื่องจริง ที่ผู้เขียนประสบพบเจอกับตัวเองจริงๆ และเชื่อว่าหลายคนก็คงเป็นเหมือนกัน คือมาทำงานที่แรกต้องพยายามหาหนังสือ แหล่งข้อมูลต่างๆด้วยตนเอง หลายอย่างที่ทำได้ก็เพราะ Youtube เลยล่ะค่ะ

   หรือเรื่องที่หนังสือพูดถึงการมองปัญหาให้เป็นโอกาส คือแบบมันเป็นอะไรที่ผู้เขียนได้ยินมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก สถานการณ์ในหนังสือที่ผู้แต่งหนังสือได้ยกมา บางอย่างเมื่ออ่านจบแล้ว มันทำให้เกิดความรู้สึก Wow ขึ้นมาจริงๆ คืออ่านหนังสือจบแล้วอยากซื้อให้รุ่นน้องที่เพิ่งจบการศึกษาเลยค่ะ 



3) ปาฏิหาริย์ร้านชําของคุณนามิยะ

   นวนิยายที่แต่งโดยคุณ Higashino Keigo (ฮิงาชิโนะ เคโงะ) นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น นวนิยายเรื่องนี้ถ้าคุณผู้อ่านได้ลองอ่านดู รับรองได้เลยว่าคุณผู้อ่านจะได้รับทั้งความอบอุ่นใจ และแง่คิดต่างๆ จากหนังสือเล่มนี้แน่นอนค่ะ มีหนึ่งประโยคที่ผู้เขียนอยากแชร์ให้คุณผู้อ่านได้ลองอ่านดูค่ะ

"

ผมหวังจากใจว่าคุณจะเชื่อมั่นในตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนึกเสียใจภายหลัง

"

   ผู้เขียนก็คาดหวังว่า ถ้าหากมีโอกาสได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้ใครสักคน ก็หว่งว่าเค้าจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เหมือนดั่งที่ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวเอาไว้




4) ยุโรปมืด

   โดยส่วนตัวชอบคำโปรยของหนังสือเล่มนี้มากค่ะ

"

ปราสาทวอดวาย วิหารมอดไหม้

ไม่มีการเฉลิมฉลอง ไม่มีแม้แต่ความหวัง

"

   คำโปรยบนปกหนังสือคือ Concept ของหนังสือเล่มนี้จริงๆค่ะ หนังสือเล่มนี้คือ หนังสือบันทึกการเดินทางของคุณพีรพัฒน์ ตัณฑวณิชที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในทวีปยุโรป อ่านประโยคนี้แล้วคุณผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่าเป็นหนังสือท่องเที่ยวทั่วไปใช่ไหมค่ะ แต่ที่หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือท่องเที่ยวทั่วไปคือหนังสือเล่มนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงยุคต่างๆตามสถานที่ที่ผู้แต่งหนังสือได้เดินทางท่องเที่ยว ขณะอ่านจะให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปท่องเที่ยวสถานที่นั้นจริงๆ เพราะผู้แต่งหนังสือบรรยายได้ดีมาก และอีกหนึ่งความรู้สึกที่ได้รับคือความรู้สึกหดหู่ในสถานการณ์ต่างๆที่ผู้แต่งได้เล่าเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ ถ้าคุณมีคนรู้จักที่ชอบแนวประวัติศาสตร์ หรือหนังสือแนวท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งกำลังจะออกเดินทางไปทวีปยุโรป แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ คุณจะได้สถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจแน่นอน




5) BLONOTE

   ในที่สุดก็มาถึงหนังสือเล่มสุดท้าย ที่ผู้เขียนจะแนะนำให้คุณผู้อ่านซื้อเป็นของขวัญแก่คนที่คุณรักแล้วนะคะ หนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่บันทึกถ้อยคำต่างๆเอาไว้ ประโยคหรือจำนวนตัวอักษรอาจไม่เยอะเท่าหนังสือเล่มอื่น แต่รับประกันความซึ้งกินใจ และบาดใจจากข้อความสั้นๆ เหล่านี้ได้เลยค่ะ ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างในหนังสือให้คุณผู้อ่านได้ลองอ่านดูนะคะ

"เลิกถอนหายใจได้แล้ว"

"ถึงจะเป็นการถอนหายใจ แต่ก็ยังดีที่ได้หายใจ"

  เป็นข้อความสั้นๆ ที่บ่งบอกถึงคุณค่าของการมีอยู่ของลมหายใจของเรา ประโยคนึงสามารถตีความได้หลายแบบ แต่ก็เป็นคำพูดที่เฉียดเฉียนจิตใจเราได้ ดังเช่นประโยคด้านล่างนี้

"

ก่อนจะพูดว่าไม่เหมือนอย่างที่หวังไว้

ช่วยคาดหวังให้พอดีกับตัวฉันด้วย

"

   อยากจะฝากเอาไว้ว่าความชอบของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นโลกใบนี้ก็คงเหมือนกันไปหมดจนหาความแตกต่างไม่ได้ หนังสือที่จะเลือกซื้อให้แก่คนที่เรารัก เราต้องสังเกตว่าเค้าชอบเรื่องอะไร หนังสือเล่มนั้นเหมาะกับวัยของเค้าหรือไม่ และเค้าชอบที่จะอ่านหนังสือหรือไม่ หากคนที่คุณซื้อหนังสือให้ ไม่ได้ชอบอ่านหนังสือ หนังสือเล่มนั้นก็มีค่าเท่ากับกองกระดาษเท่านั้น แต่ถ้าหากคนที่คุณให้หนังสือเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิม หนังสือเล่มนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ก็ยังคงมีค่าเสมอในสายตาของผู้รับ


สามารถหาอ่านหนังสือเหล่านี้ได้จากแหล่งเหล่านี้เลยค่ะ (หรือสามารถหายืมตามห้องสมุดต่างๆได้ค่ะ)

Into the magic shop เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ

น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20

ปาฏิหาริย์ร้านชําของคุณนามิยะ

ยุโรปมืด

ฺBLONOTE


อ้างอิง

(1) กิจกรรมอานาปานสติภาวนา ที่สวนโมกข์กรุงเทพ

(2) ขอขอบคุณภาพกล่องของขวัญฟรีจาก Pixabay


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรียนรู้ลายมือไปด้วยกัน (1) : ความรู้เบื้องต้น และการเรียกชื่อเนินบนฝ่ามือ

การถูกด่า หรือถูกนินทาคือความธรรมดาของโลกใบนี้