บทสวดมนต์ความหมายดี

   วันนี้ผู้เขียนขอแนะนำบทสวดมนต์ที่นอกจากจะได้ฝึกสมาธิ และสติแล้วยังได้รู้ถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วย ซึ่งหลักธรรมทั้งหลายก็ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงสัจธรรมของโลกที่เราอาศัยอยู่


บทแรก : ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

   บทสวดมนต์นี้ถ้าได้สวดบทแปลด้วยจะดีมากเลยล่ะค่ะ เพราะเหมือนได้ฟังธรรมไปในตัว ยกตัวอย่างเช่น วรรคในบทสวดมนต์ที่มีบทแปลดังนี้

"
ภิกษุทั้งหลายทุกขอริยสัจ คือความจริงที่ช่วยมนุษย์ให้เป็นผู้ประเสริฐ เกี่ยวกับการพิจารณาเห็นทุกข์เป็นอย่างนี้ คือการเข้าใจว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนแต่เป็นทุกข์ แม้แต่ความโศกเศร้าเสียใจ ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กายทุกข์ใจ ทั้งความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์  พลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่อการยึดมั่นแบบฝังใจว่าเบญจขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอัตตา เป็นตัวเรา เป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์แท้จริง
"


   เพียงแค่ได้สวดหนึ่งวรรค ก็ทำให้เห็นความจริงในหลายๆด้านของความทุกข์ ยิ่งถ้าฟังธรรม หรือศึกษาธรรมะบ่อยๆ เราจะเข้าใจความหมายของคำแปลมายิ่งขึ้น แต่ช่วงแรกผู้เขียนก็สวดมนต์ตามหนังสือเท่านั้นยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก แต่ก็ทึ่งกับคำแปลของบทสวดมนต์นี้มาก เพราะได้ข้อเตือนใจให้ตัวเองหลายอย่างเลยล่ะค่ะ
   วันไหนที่คุณผู้อ่านมีเวลาว่างก็อยากจะเชิญชวนให้ลองสวดมนต์บทนี้ดูนะคะ

แหล่งโหลดหนังสือธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  (สามารถหาตามเว็บไซต์ต่างๆก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ)

บทที่สอง : ภัทเทกรัตตคาถา

"
อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง
บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย, และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
ยะทะตีตัมปะหีนันตัง อัปปัตตัญจะ อะนาคะตัง
สิ่งเป็นอดีตก็ละไปแล้ว, สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา
"

   ถ้าใครอ่านหนังสือของคุณเดล คาร์เนกี ชื่อเรื่องว่าวิธีชนะทุกข์และสร้างสุข บทแรกของหนังสือเมื่อเปิดขึ้นมา หนังสือจะพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตที่มีแต่วันนี้ ที่หนังสือพูดเช่นนี้เพราะบางทีปัจจุบันเรานั้นไม่ได้ทุกข์อะไรหรอกค่ะ แต่เราเอาแต่ฟุ้งซ่านเรื่องอนาคต หรือไม่ก็ล่องลอยไปในอดีต ถ้าอดีตหรืออนาคตเป็นเรื่องที่เราพอใจเราจะมีความสุข แต่ถ้าหากเราคิดถึงเรื่องที่ไม่ชอบใจ เราก็จะเป็นทุกข์ ซึ่งบทสวดมนต์บทนี้เรียกสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ


บทที่สาม : อภิณหปัจจเวกขณปาฐะ

"
มะระณะธัมโมม๎หิ มะระณัง อะนะตีโต ( ญ . อะนะตีตา )
เรามีความตายเป็นธรรมดา , จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้  
สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว
เราจะละเว้นเป็นไปต่างๆ , คือว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง
"

   บทสวดสุดท้ายที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำ จริงๆแล้วก็มีความเชื่อมโยงกับบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรที่พูดถึงในบทแรก เพราะบทสวดมนต์นี้พูดถึงเรื่องทุกข์ที่เกิดจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือพลัดพรากจากของรักเช่นเดียวกันค่ะ แต่บทสวดมนต์บทนี้จะใช้เวลาในการสวดมนต์สั้นกว่าค่ะ เพราะบทสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรจะมีเนื้อหาที่ละเอียดในเรื่องอริยสัจ 4 ซึ่งก็คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคค่ะ 



   การปฎิบัติธรรมทั้งหลายวัตถุประสงค์คือการหลุดพ้นทุกข์ บทสวดมนต์นั้นเป็นเครื่องช่วยฝึกสติและสมาธิ หากเรามีสติและสมาธิในปัจจุบันอยู่เสมอ เราจะสร้างกรรมน้อยลง มีศีลมากขึ้น ความทุกข์ของเราก็จะน้อยลงค่ะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างเมื่อเราผิดศีลข้อ 5 คือการดื่มสุรา สุรานั้นทำให้คนขาดสติ มีโอกาสที่เราจะขาดสติ และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้ค่ะ หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา เราก็จะเป็นทุกข์เพราะกลัวคนอื่นจะรู้ความจริง 
  แต่ต่อให้เราเป็นคนดีแค่ไหน สร้างบุญกุศลมากมายเพียงใด เราก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากสัจธรรมของโลกได้ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องป่วยหรือเจ็บ แก่ ตายไม่มีใครหนีพ้นได้ ถ้าหากอยากมีอายุยืนนานก็ต้องรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงนะคะ นอกจากนี้โลกธรรม 8 ก็คือสิ่งที่เราหนีไม่พ้นเช่นกัน ต่อให้จะดีแค่ไหน ทำบุญมากแค่ไหนก็ไม่มีวันหนี(สุข-ทุกข์ สรรเสริญ-นินทา ได้ลาภ-เสื่อมลาภ ได้ยศ-เสื่อมยศ)ได้
 ถ้าหากเราหนีไม่พ้นเราจะทำอย่างไร ยอมรับกรรมแต่โดยดี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลยใช่หรือไม่ จะบอกไม่ใช่หรอกค่ะ อยากให้ทุกคนยอมรับสัจธรรมของโลก แต่ไม่ได้ให้ทุกคนยอมจำนนนะคะ เราแค่ปล่อยวางมันลง แบกอัตตา(ความยึดมั่นถือมั่น)เอาไว้มันหนักนะคะ เชื่อว่าทุกคนคงรักตัวเองมากพอเกินกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเราเป็นทุกข์ใช่ไหมค่ะ สุดท้ายนี้อยากฝากว่า

"
เพราะเป็นทุกข์ เราจึงเห็นธรรม 
"



อ้างอิงรูปภาพ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรียนรู้ลายมือไปด้วยกัน (1) : ความรู้เบื้องต้น และการเรียกชื่อเนินบนฝ่ามือ

การถูกด่า หรือถูกนินทาคือความธรรมดาของโลกใบนี้

หนังสือที่ควรซื้อเป็นของขวัญให้แก่คนที่คุณรัก